
เริ่มเจอกับแรงเสียดทานที่สัมผัสได้
ตามปรากฏการณ์ล่าสุดที่หัวขบวน “21 อรหันต์ทองคำ” นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ต้องออกโรงด้วยตัวเอง
เคลียร์สูตรเลือกตั้งแบบ “จัดสรรปันส่วนผสม” ที่จะออกแบบไว้ในร่างรัฐธรรมนูญใหม่
ที่หลายฝ่ายยังงงกับสูตรพิสดาร
แบบที่นายมีชัยพยายามอธิบายว่า สูตรนี้เป็นการเคารพเสียงประชาชนส่วนน้อย ทำให้คะแนนของประชาชนมีน้ำหนัก นำไปใช้ในการออกเสียงเลือกตั้งมากที่สุด
เป็นวิธีการปรองดองอย่างหนึ่งคือให้คะแนนเลือกตั้งเฉลี่ยไปทุกพรรค
ขณะที่พรรคการเมืองจะต้องคัดเลือกคนดีที่สุดลงสมัคร แม้จะรู้ว่าคะแนนในเขตนั้นสู้พรรคการเมืองอื่นไม่ได้ แต่ก็มีความหวังที่จะได้คะแนนเพื่อนำไปคำนวณสัดส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อ
แม้เป็นประเทศแรกและประเทศเดียวที่จะนำวิธีนี้มาใช้ แต่นั่นก็เพราะคนไทยเรามีสติปัญญาคิดได้เองในการเลือกวิธีเลือกตั้งที่เหมาะสมกับบริบทเมืองไทย
เรียกว่ายกแม่น้ำทั้ง 5 มาสาธยายกันเลย
เรื่องของเรื่อง แม้จะไม่ถึงขนาดก๊อบปี้ แต่มันก็เป็นอะไรที่ผลออกมาคล้ายๆกับสูตรเลือกตั้งแบบ “สัดส่วนผสม” ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับ “36 อรหันต์ทองคำ” ของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่ลอกแบบมาจากประเทศเยอรมนี
บนพื้นฐานหลักคิดที่ว่า พรรคการเมืองไม่ควรได้เสียงข้างมากเกินจริง การใช้ระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสมสะท้อนความนิยมที่แท้จริงของพลเมืองผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และให้พรรคขนาดกลาง หรือพรรคขนาดเล็กมีโอกาสร่วมเป็นรัฐบาลผสม
สรุปคำตอบสุดท้าย มันก็คือการ “บอนไซ” พรรคการเมืองขนาดใหญ่
ใช้ตัวอย่างอดีตรัฐบาลยี่ห้อ “ทักษิณ” เป็นกรณีศึกษา
โจทย์ของนายมีชัยก็ข้อสอบเดียวกับนายบวรศักดิ์ คือต้องหาวิธีไม่ให้พรรคการเมืองได้เสียงเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอย่างที่ผ่านมา พรรคเดียวยึดที่นั่งเกินครึ่งสภาผู้แทนราษฎร
ถูกมองว่า เหิมเกริมเป็นเผด็จการรัฐสภา
เสี่ยงใช้เสียงข้างมากลากไป พลิกฟ้า คว่ำแผ่นดิน
อันตราย ถ้าอำนาจอยู่ในมือของคนที่คุมไม่อยู่
ตามธงของฝ่ายคุมเกมปฏิรูปประเทศไทยจึงต้องการทำให้บรรยากาศการเมืองกลับไปสู่วิถีในอดีต เป็นรัฐบาลผสมหลายพรรคที่รัฐบาลอาจจะอ่อนแอ ไม่มีเสถียรภาพก็ตามที
เข้าใจยุทธศาสตร์กันตามนี้ คนไทยคงได้ใช้การเลือกตั้งสูตรพิสดารแน่
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เรื่องของสูตรเลือกตั้งก็แค่กระตุกอาการเต้นของนักเลือกตั้งอาชีพ
เพราะการเปิดไฟเขียวสนามเลือกตั้งมันยังอีกยาวไกล
อย่างน้อยถือตามข้อมูล “ทางนอกผสมทางใน” อย่างที่นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ โหร คมช.ทำนาย รัฐบาลท็อปบูต คสช.จะอยู่ต่อไปอีกอย่าง 2–3 ปี
สูตรเลือกตั้ง ส.ส.ใหม่ ยังไม่ได้ใช้ในระยะเวลาอันใกล้นี้แน่
และที่จะต้องถึงคิวก่อนก็คือการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่ “คุณชายหมู” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ เมืองกรุง จะหมดวาระการดำรงตำแหน่งสมัย 2 ในช่วงต้นปี 2560
จะครบเทอมหรือไม่ยังต้องลุ้น กับการโดนคนค่ายเดียวกันเปิดโปงความไม่โปร่งใส
ที่แน่ๆจับสัญญาณความเคลื่อนไหววงใน เริ่มมีการประแป้งแต่งตัวรอกันแล้ว
โดยสปอตไลต์จับจ้องไปที่ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ อดีตที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม.ยุคนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ฉายแววเด่นขึ้นมาในทุกกระดานข่าวทั้งการเมือง กีฬา สังคม
ในอารมณ์ผู้หญิงที่ครบเครื่องสวย รวย เก่ง
ปั่นโปรไฟล์รอใส่เสื้อพรรคประชาธิปัตย์รักษาแชมป์ครองเมืองหลวงติดต่อกันมานับ 10 ปี
ส่วนคู่ต่อสู้จากพรรคเพื่อไทย ก็มีการมองไปที่ “บุรุษผู้แข็งแกร่งที่สุดใน 3 โลก” อย่างนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีต รมว.คมนาคม รัฐบาล “ยิ่งลักษณ์”
อีกสักพักคงได้เปิดตัวประกบคู่ หยั่งกระแสกันอย่างไม่เป็นทางการ ที่มา www.thairath.co.th
0 ความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น