วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2558

อดใจรอซื้อสะสม ‘ทองคำ’ ที่ราคา 16,900 บาท


จับทิศราคาทองคำเดือนธันวาคม วายแอลจี ชี้ปัจจัยเฟดขึ้นดอกเบี้ยกดดัน ส่วนความตึงเครียดเหตุก่อการร้ายไม่มีผล แนวรับชี้ชะตา 17,800 บาทต่อบาททอง หากหลุดได้เห็น 16,900 บาท แนะเป็นจุดซื้อสะสม เตือนหากหลุด 16,100 บาท ชะลอลงทุน
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า วายแอลจีประเมินราคาทองคำจะยังคงถูกกดดันจากกระแสการปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา(เฟด) ซึ่งราคาทองคำได้สร้างแนวโน้มขาลงมาโดยตลอด

เบื้องต้นประเมินแนวรับในช่วงเดือนธันวาคมของปีนี้ที่บริเวณ 1,050 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ หรือประมาณ 17,800 บาทต่อบาททองคำ หากหลุดจะมีแนวรับสำคัญถัดไปในบริเวณ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์หรือประมาณ 16,900 บาทต่อบาททองคำ

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน วายแอลจี แนะนำนักลงทุนระยะสั้นอาจต้องเน้นการเก็งกำไรในกรอบโดยใช้ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ประกอบการตัดสินใจลงทุน ขณะที่นักลงทุนระยะกลางถึงยาว อาจใช้แนวรับดังกล่าวข้างต้นเป็นจุดสะสมซื้อทองคำ โดยอาจชะลอการถือทองคำหากราคาหลุด 950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือประมาณ 16,100 บาทต่อบาททองคำ สำหรับแนวต้านประเมินที่ 1,100 – 1,140 ดอลลาร์ต่อออนซ์หรือประมาณ 18,600 – 19,300 บาทต่อบาททองคำ

ส่วนผลกระทบจากสถานการณ์โลกเริ่มตึงเครียดขึ้นต่อเนื่องจากการโจมตีกรุงปารีสประเทศฝรั่งเศสเมื่อวันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ต่อมาตุรกีได้ยิงเครื่องบินรบรัสเซียตกกลายเป็นประเด็นความตึงเครียดครั้งใหญ่จนทำให้นาโต้ออกมาแสดงความเห็นให้ใช้ความอดทนในการแก้ไขปัญหา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวพบว่ามีผลทำให้ราคาทองคำแกว่งตัวเพียงเล็กน้อย โดยราคาทองคำไม่ตอบกระแสข่าวดังกล่าวอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ วายแอลจีมองว่าประเด็นหลักของทิศทางความเคลื่อนไหวของตลาดทองคำในขณะนี้ยังคงอยู่ที่การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด)ในช่วงวันที่ 15-16 ธันวาคมนี้ ซึ่งคาดการณ์กันว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังจากคงที่ในระดับ 0 – 0.25% มาเป็นระยะเวลายาวนาน ส่งผลให้ประเด็นอื่นๆที่อาจส่งผลต่อราคาทองคำถูกลดความสำคัญลงไป

สำหรับราคาทองคำในประเทศยังคงมีปัจจัยค่าเงินบาทเข้ามาเกี่ยวข้อง จากการแข็งค่าของเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งไม่ทำให้ราคาทองคำในประเทศแตกต่างจากราคาทองคำต่างประเทศอย่างมีนัยสำคัญ
 ที่มา    www.thansettakij.com/

0 ความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น