ทันทีที่กลับมาถึงประเทศไทยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เพิ่งเสร็จสิ้นจากการประชุม “โลกร้อน” ที่ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส คำถามที่สื่อมวลชนอยากจะถาม และอยากจะได้คำตอบจากพล.อ.ประยุทธ์ คงจะไม่ใช่เรื่อง “โลกร้อน” เป็นแน่ หากแต่เป็น “เรื่องร้อน” ที่อยู่ในประเทศไทยนี่เอง
แม้ว่า ป.ป.ช.จะยังไม่เข้าไปสอบสวนโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ แต่ดูเหมือนเรื่องราวจะยังไม่หยุดแต่เพียงเท่านั้น
นั่นเป็นเพราะผลกระทบจากเรื่องนี้ ได้คุกคามความเชื่อมั่นของรัฐบาลและคสช.โดยตรง และเกือบจะบานปลายกลายเป็นประเด็นการเมืองไปแล้วหลังจากแกนนำเสื้อแดงพยายามจะนำมวลชนไปเยี่ยมชมอุทยานราชภักดิ์ ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
ถึงแม้ว่ากองทัพบกจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนและใช้เวลาเพียง 7 วัน ก็ได้ข้อสรุป แต่ดูเหมือนว่า ผลสรุปที่ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก นำมาแถลงนั้น ไม่อาจทำให้สังคมภายนอกเชื่อได้ว่า เรื่องนี้โปร่งใส
แรงกดดันยังคงพุ่งไปยัง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ซึ่งเป็นผู้เริ่มทำโครงการ เพราะเป็นผู้ออกมายอมรับเองว่า มีเซียนพระไปเก็บหัวคิว เพียงแต่นำเงินไปคืนแล้ว
การให้สัมภาษณ์ครั้งล่าสุดของ พล.อ.อุดมเดช ที่ยืนยันว่า ไม่ลาออกจากตำแหน่ง และเชื่อว่า มีคนอยู่เบื้องหลังที่พยายามทำขาวให้เป็นดำ ทั้งที่เจตนาก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ด้วยจิตใจบริสุทธิ์และโปร่งใส จึงเป็นเรื่องที่น่าจะต่างกรรมต่างวาระเสียมากกว่า
และการที่บอกว่า กำลังรอผลของคณะกรรมการของกระทรวงกลาโหม หรือสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ก็เป็นเรื่องที่ดูเหมือนจะไม่ทันอกทันใจผู้คนที่สนใจในความเป็นไปของเรื่องนี้
แม้แต่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ที่ให้สัมภาษณ์สถานีวิทยุคลื่น 101 เมกะเฮิรตซ์ ก็ยังบอกว่า จะไปถามคณะกรรมการที่สอบเรื่องนี้ว่าจะตั้งโต๊ะแถลงผลสอบเมื่อใด
เพราะหากปล่อยให้เรื่องยืดยาวออกไป จะเข้าตำรา “กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้”
แต่ดูเหมือนว่า “งา” อาจจะไหม้ได้จริงๆ เพราะมีรายงานข่าวว่า กำหนดเวลาการสอบสวนในเรื่องนี้ของกระทรวงกลาโหมนั้น ถูกกำหนดเอาไว้ว่าให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน
แต่ก็ไม่แน่ว่า การสอบสวนจะกินเวลายาวนานไปขนาดนั้น เพราะ พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ ในฐานะอดีตรองประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ ชี้ช่องว่า หน่วยงานใด ทำหน้าที่อะไรบ้าง
โดยการจัดซื้อจัดจ้างจะทำผ่านหน่วยงานภายในกองทัพบก 2 หน่วยคือ กรมกิจการพลเรือนทหารบก และกรมยุทธโยธาทหารบก
ส่วนงบกลางกว่า 63 ล้านบาท เป็นเรื่องที่กองทัพบกขออนุมัติเพื่อดำเนินการเอง ไม่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการอำนวยการจัดสร้าง
แหล่งข่าวจาก คสช. ก็ได้แสดงความกังวลต่อกระแสที่กำลังถาโถมเข้าสู่รัฐบาลและ คสช. โดยเชื่อว่า หากเรื่องนี้ยืดเยื้อออกไป ก็จะก่อผลกระทบต่อรัฐบาลและคสช.อย่างรุนแรง โดยเฉพาะตัว พล.อ.ประยุทธ์
แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จะทำอย่างไร ในเมื่อกำหนดการสอบสวนได้ถูกวางเอาไว้ถึง 30 วัน
ถึงแม้แหล่งข่าวจาก คสช.จะเชื่อมั่นว่า เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ กลับมาแล้ว ภายในสัปดาห์นี้ทุกอย่างจะมีบทสรุป เพราะเสียงสะท้อนจากปารีสออกมาแล้วว่า “30 วัน นานไป”
www.komchadluek.net
0 ความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น