23ก.พ.2559 สำนักข่าวอัลจาซีร่า (Al Jazeera) เตรียมออกอากาศ บทสัมภาษณ์พิเศษ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ในช่วงเย็นวันนี้ (วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ 2559)
ทั้งนี้ ดร.ทักษิณ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศและสำนักข่าวชั้นนำของโลกหลายสำนักข่าวตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ได้กล่าวกับไฟแนนเชียลไทม์ และ วอลล์สตรีทเจอร์นัล ว่า ผมขอให้พล.อ.ประยุทธ์พูดคุยกับทุกกลุ่มการเมืองเพื่อหาทางที่ทุกฝ่ายยอมรับ โดยการเริ่มต้นจากการวางกรอบรัฐธรรมนูญที่จะสามารถเอื้อให้ประชาชนได้ให้สิทธิกับทุกเสียงของผู้มีสิทธิเลือกตั้งของประเทศ และไม่ถูกริดลอนสิทธิด้วยการให้ทหารสืบทอดอำนาจอยู่เบื้องหลัง
ขอได้โปรดอย่ากังวล และอย่ากลัวว่าผมจะมาคิดแค้น ผมไม่ได้ต้องการเงื่อนไขใดๆเพื่อช่วยตัวผม แต่ถ้าท่านมีความตั้งใจจริงที่จะให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ถ้าท่านตั้งใจที่จะคืนศักดิ์ศรีให้กับประชาชนชาวไทย ท่านต้องมาพูดคุยกัน
“ผมเงียบมานานเกินไป นักวิจารณ์หลายคนมองผมในแง่ลบและกังวล ผมขอแสดงความชัดเจนว่าไม่ต้องห่วงผม ผมไม่ได้ใส่ใจกับสถานภาพของผม แต่ผมอยากให้ประเทศเดินไปข้างหน้าและไม่อยากให้รัฐธรรมนูญต้องร่างมาต้องเปลืองเวลาและทรัพยากรบุคคล ร่างรัฐธรรมนูญนี้ไม่สามารถเป็นที่ยอมรับได้สำหรับคนทั่วไปยกเว้นตัวรัฐบาลเอง ถ้าร่างรัฐธรรมนูญนี้ผ่าน ประเทศไทยจะเดินถอยหลัง”
‘ทักษิณ’ลั่นไม่ต้องกลัวกลับไปเเก้เเค้น
ต่อมาสำนักข่าวอัลจาซีราได้เเพร่คลิปการให้สัมภาษณ์ของนายทักษิณผ่านทางยูทูปความว่า "ผมเงียบมาเป็นเวลานานเกินไปแล้ว และมีข่าวลือเกี่ยวกับผมออกมามาก บางคนถึงกับบอกว่าพวกเขากลัวว่าผมจะกลับไปแก้แค้น ผมเลยอยากออกมาบอกว่าผมไม่ต้องการแก้แค้นใคร อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้ผ่านไป ผมต้องการเห็นประเทศเดินหน้าต่อไป ผมพร้อมอภิปรายหรือคุยกับอีกฝ่ายในรูปแบบไหนก็ได้ ผมไม่มีเงื่อนไขอะไร ผมแค่ต้องการเห็นประเทศเดินหน้า"
"ผมพูดชัดเจนว่า ถ้าพวกเขา(คสช.)กังวลตัวผมเลยต้องร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาเพื่อขัดขวางผม ร่างนี้จะมีผลกระทบกับประเทศในอนาคต ผมพร้อมที่จะทำให้เศรษฐกิจเติบโต ผมพร้อมที่จะรับใช้ประชาชน แต่สิ่งเหล่านี้ไม่มีอยู่ในร่างรัฐธรรมนูญ ข้อกล่าวหาต่างๆ ต่อผมมาจากแรงจูงใจทางการเมือง ผมไม่แคร์ ผมไม่ได้ยั่วยุพวกเขา ผมไม่ได้ชวนพวกเขามาสู้ ผมแค่บอกว่าระบอบการปกครองใดๆ ก็ตามที่ไม่เคารพความต้องการของประชาชนจะอยู่ได้ไม่นาน"
นอกจากนี้ในข่าวยังระบุคำให้สัมภาษณ์ของนายทักษิณที่สิงคโปร์ว่า "ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นฉบับที่บ้าคลั่ง และนี่เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของรัฐบาลเพื่อหลีกเลี่ยงการเลือกตั้งที่ผลการสำรวจเบื้องต้นบ่งบอกชัดเจนว่าต้องแพ้ให้กับนายทักษิณ และจะทำให้ประเทศกลายเป็นระบอบอัตตาธิปไตยมากขึ้นเหมือนกับเกาหลีเหนือหรือเมียนมาร์ในยุคเก่า มันเป็นรัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นในศตวรรษที่ 21 ไม่ใช่สมัยศตวรรษที่ 18 ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะทำให้นายกฯต้องฟังคำสั่งจากนายพลเหมือนเมียนมาร์"
นายทักษิณอ้างด้วยว่า "ไม่ได้ต้องการต่อสู้ แต่ในศตวรรษที่ 21 ไม่มีใครยอมรับระบอบการปกครองโดยทหารอีกแล้ว และที่ผ่านมา ผมไม่เคยคุยกับเหล่านายพลเลยทั้งทางตรงและทางอ้อม"
นายทักษิณระบุว่า ตอนนี้้มีชีวิตที่ต้องระหกระเหินไปที่ต่างๆ โดยใช้พาสปอร์ตของประเทศมอนเตเนโกร ส่วนใหญ่อยู่ที่ดูไบ แต่ก็มีบ้านในสหรัฐฯ อังกฤษ เยอรมนี สิงคโปร์ และฮ่องกง ขณะเดียวกันนายทักษิณยังลงทุนในบริษัทต่างๆ ตั้งแต่บริษัทด้านเทคโนโลยีการแพทย์ในอังกฤษ ไปจนถึงเหมืองเหล็กในอูกานดาและแทนซาเนียเเละนายทักษิณประเมินทรัพย์สินของตัวเองในปัจจุบันอยู่ที่ราว 1 พันล้านดอลลาร์ หรือกว่า 3 หมื่น 5 พันล้านบาท
“นพดล”โต้ข่าว“แม้ว”เรียกร้องเจรจา
นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศกล่าวว่าชี้แจงว่า ตามที่ เนชั่นทีวีเสนอข่าวว่าแหล่งข่าวในพรรคเพื่อไทยวิเคราะห์ว่ากรณีที่นายทักษิณออกมาเคลื่อนไหวเจรจากับรัฐบาลในช่วงนี้ เพื่อหวังต่อรองรัฐบาลทหารที่จะไม่ยึดทรัพย์ในคดีจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี วงเงินกว่า 2 แสน 5 หมื่นล้านบาท เพื่อแลกกับ ตระกูลชินวัตร ยุติบทบาททางการเมืองนั้น ขอเรียนว่าข่าวนี้ไม่เป็นความจริงและเป็นเรื่องเหลวไหลโดยสิ้นเชิง เชื่อว่าน่าจะเป็นการปฏิบัติการทางการข่าวหรือไอโอที่คนบางกลุ่มทำขึ้นเพื่อใส่ร้ายอดีตนายกฯทั้งสองคน
นายนพดลกล่าวว่าขอยืนยันว่า นายทักษิณเสนอให้ทุกฝ่ายหันหน้าคุยกันเพื่อก้าวข้าวความขัดแย้ง เนื่องจากเป็นห่วงอนาคตของประเทศ และกระบวนการสร้างความปรองดองและสร้างความไว้วางใจของคนในชาติจะเกิดได้ก็จากการพูดคุยกัน นายทักษิณไม่มีเงื่อนไขหรือประโยชน์เพื่อตนเองทั้งสิ้น ถ้ามีเงื่อนไขจริงสังคมก็ต้องรู้เพราะไม่อาจปกปิดได้
“ขอปฏิเสธข่าวข้างต้นโดยสิ้นเชิง เนื่องจากอดีตนายกฯ ทักษิณไม่ได้ตั้งเงื่อนไขหรือต่อรองใดใดๆเพื่อตัวท่านเองหรือนางสาวยิ่งลักษณ์ทั้งสิ้น”นายนพดลกล่าว
‘บก.ลายจุด’ระบุ‘แม้ว’ขอเจรจาคสช.เป็นเรื่องดี
นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด แกนนำกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขอเจรจากับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า หลักการที่ต้องการเจรจาเป็นสิ่งดี เพราะความขัดแย้งด้านการเมืองทางความคิด ดังนั้นการพูดคุยถือเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยขจัดความขัดแย้ง แต่ทั้งสองฝ่ายต้องนึกถึงประชาชนให้มาก หากไม่มีการพูดคุยกันก็คงต้องสู้กันต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่มีท่าทีว่าฝ่ายไหนจะชนะมีแต่ความสูญเสียโอกาสในการพัฒนาประเทศ รวมถึงเกิดคดีความต่างๆตามมา ทั้งนี้ควรส่งเสริมให้เกิดเวทีการพูดคุยในกลุ่มการเมืองด้วย ไม่ใช่แค่พูดคุยกับนายทักษิณและ คสช.เท่านั้น ทั้งนี้ไม่ว่าผลการพูดคุยจะมากน้อยเพียงใดก็ค่อยๆพัฒนาเรื่อยๆ เรียนรู้และต่อรองกันต่อไป ขณะที่ปฏิกิริยาของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)นั้น ตนมองว่าเป็นคนละเรื่อง ซึ่งต้องเข้าใจมวลชนแต่ละกลุ่มด้วยว่ามีภาวะทางอารมณ์ต่างกัน เพราะผ่านการปลุกเร้าทำให้บางคนไม่เห็นด้วยกับการเจรจา
www.thairath.co.th
0 ความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น