
loading...
"ศรีวราห์" เรียกประชุมหน่วยงานความมั่นคง รับการข่าวแจ้งเตือนเหตุวินาศกรรมคาร์บอมบ์ 3 จุด กทม.-ปริมณฑล 25-30 ต.ค.นี้ มุ่งเป้าพื้นที่เสี่ยง สถานที่เชิงสัญลักษณ์ ห้างสรรพสินค้า สนามบิน แหล่งท่องเที่ยว เผยผู้ก่อเหตุมาจาก 3 จังหวัดใต้ โยงคดีระเบิด 7 จว. กำชับทุกพื้นที่กวดขันเตรียมพร้อมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันที่ 10 ตุลาคม พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง เป็นประธานการประชุมความมั่นคง โดยมีตัวแทนกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.), กองปราบปราม (บก.ป.), กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.), กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค (บช.ภ.) 1, 2, 7, กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.), สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.), กองบัญชาการตำรวจสันติบาล (บช.ส.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ใช้เวลาประชุมกว่า 2 ชั่วโมง
ภายหลังการประชุม พล.ต.อ.ศรีวราห์เปิดเผยว่า การประชุมวันนี้ สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายพอล โฟลีย์ เอกอัครราชทูตด้านการต่อต้านการก่อการร้ายสหพันธ์ออสเตรเลีย พร้อมด้วย นายพอล โรเบิลริยาร์ด เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย ซึ่งมีข้อตกลงเกี่ยวกับความร่วมมือเรื่องการป้องกันก่อการร้ายร่วมกัน ได้สอบถามข้อมูลความคืบหน้าการเฝ้าระวังการก่อการร้ายในไทย ตนจึงได้เรียกประชุมและกำชับทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวมีการแจ้งเตือนกลุ่มผู้ไม่หวังดีเตรียมก่อเหตุคาร์บอมบ์ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวม 3 จุด ช่วงวันที่ 25-30 ต.ค.นี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่มีการข่าวออกมา ซึ่งการข่าวลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นทั่วโลก โดยตนได้กำชับไปยังพื้นที่ให้กวดขัน จับกุม ตรวจค้นรถต้องสงสัย ตรวจสอบการเดินทางของกลุ่มคนร้าย และการปิดล้อมตรวจค้น ซึ่งการเฝ้าระวังก็มีตลอด เป็นไปตามแผนการป้องกันการก่อการร้ายสากล ทั้งนี้ ไม่ได้เฝ้าระวังจุดใดเป็นพิเศษ แต่ก็มีการเพิ่มความเข้มตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ สถานทูต จุดล่อแหลม และสถานที่เชิงสัญลักษณ์
loading...
รอง ผบ.ตร.ระบุว่า ในช่วงเดือน ต.ค. ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มักจะมีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยเฉพาะวันที่ครบรอบวันสถาปนากลุ่มติดอาวุธขบวนการบีอาร์เอ็น ซึ่งเจ้าหน้าที่ความมั่นคงมีการวิเคราะห์ตามสถานการณ์ ส่วนการแจ้งเตือนจะมีนัยอะไรหรือไม่นั้น ตนไม่สามารถตอบได้ แต่ตอนนี้ก็มีการจับตากลุ่มเคลื่อนไหวหลายกลุ่มในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้และชาวต่างชาติ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
"แต่น่าจะเป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับคดีระเบิดและวางเพลิงในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ ที่ก่อเหตุเมื่อวันที่ 11-12 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งไม่ทราบว่ากลุ่มเหล่านี้มีวัตถุประสงค์อะไร แต่คาดว่าน่าจะสร้างสถานการณ์ ส่วนจะเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่นั้น ยังตอบไม่ได้ เพราะยังไม่มีหลักฐาน" พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าว
มีรายงานว่า การประชุมวันนี้ สืบเนื่องจากสายข่าว ระบุว่ามีกลุ่มคนร้ายจะมีการประกอบระเบิดคาร์บอมบ์ แล้วนำมาก่อเหตุในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ระหว่างระวันที่ 25-30 ตุลาคม 3 จุด โดยมีเป้าหมายพื้นที่เสี่ยงต่างๆ อาทิ ห้างสรรพสินค้า ลานจอดรถ สนามบิน และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ โดยกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสำรวจข้อมูลพื้นที่เสี่ยงที่อาจตกเป็นเป้าหมาย พร้อมจัดทำแผนเผชิญเหตุกรณีก่อการร้ายและก่อวินาศกรรม โดยมาตรการก่อนเกิดเหตุเน้นสืบสวนหาข่าวจัดเตรียมอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็น ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาตรการขณะเกิดเหตุ เน้นรักษาสถานที่เกิดเหตุ การตั้งศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าสืบสวนหาข่าวเชิงลึก เพื่อควบคุมเหตุการณ์และจัดการแก้ไขปัญหา และมาตรการหลังเกิดเหตุ เน้นการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยาน หลักฐาน ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ-ตาย และการฟื้นฟูสถานที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งให้สืบสวนหาข่าวเชิงลึกด้านความมั่นคงติดตามกลุ่มบุคคลเป้าหมาย
มีรายงานด้วยว่า เมื่อวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.ธรรมนูญ ไตรทิพยพงศ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ได้มีหนังสือด่วนที่สุด เรื่อง เฝ้าระวังการก่อวินาศกรรม และการลอบวางระเบิดสถานที่เชิงสัญลักษณ์ ถึง รองผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ผกก.ทุกสภ.ในสังกัด ภ.จว.สมุทรปราการ ผกก.ฝอ.ฯ, ผกก.สสภ.จว.สมุทรปราการ หน.ศูนย์การจัดการจราจรพิเศษบูรพาวิถี-กาญจนาฯ เพื่อทราบและถือปฏิบัติ ระบุว่า ด้วยได้รับข่าวและข้อสังเกตของ ผบ.ตร.ให้ทุกพื้นที่ เฝ้าระวังการก่อวินาศกรรม และการลอบวางระเบิดสถานที่เชิงสัญลักษณ์ และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ โดยในส่วน จ.สมุทรปราการ เช่น สะพานภูมิพล เมืองโบราณ ฟาร์มจระเข้สมุทรปราการ พิพิธภัณ์ฑ์ช้างเอราวัณ และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นต้น
โดยหนังสือดังกล่าวได้กำชับให้ ผกก.ทุก สภ.ควบคุมการปฏิบัติ ในการออกตรวจตราสถานที่เชิงสัญลักษณ์ สถานที่ท่องเที่ยว สถานที่สำคัญที่สุ่มเสี่ยง โดยให้มีการตรวจตราอย่างต่อเนื่อง และออกคำสั่งมอบหมายให้ผู้รับผิดชอบให้ชัดเจน อย่าให้มีเหตุเกิดขึ้นในพื้นที่โดยเด็ดขาด.
www.thaipost.net
0 ความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น