วันจันทร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ทรัมป์เยือนซาอุ อ้อนโลกอาหรับ ต้านลัทธิสุดโต่ง


สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานแห่งซาอุดีอาระเบีย และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ร่วมประชุมคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ เมื่อวันอาทิตย์ ภาพสำนักพระราชวังซาอุดี-เอเอฟพี

loading...
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลบมรสุมการเมืองในสหรัฐ เดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกที่ซาอุดีอาระเบีย ดีลสัญญาซื้ออาวุธ-การค้าหลายแสนล้านดอลลาร์ วันอาทิตย์พบผู้นำกลุ่มชาติอาหรับเกลี้ยกล่อมร่วมต่อต้านลัทธิอิสลามสุดโต่ง

ทรัมป์พร้อมนางเมลาเนีย สตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐ พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐ เดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา เพื่อกระชับความสัมพันธ์กับราชอาณาจักรที่เป็นพี่ใหญ่แห่งโลกมุสลิมนิกายสุหนี่แห่งนี้ รวมถึงประมุขและผู้นำของกว่า 30 ประเทศพันธมิตรของซาอุดีที่เป็นมุสลิมสุหนี่เสียส่วนใหญ่ ในการประชุมสุดยอดอาหรับอิสลามอเมริกัน

ในวันอาทิตย์ ผู้นำสหรัฐมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ โดยร่างที่ทำเนียบขาวเผยแพร่ล่วงหน้ากล่าวว่า ทรัมป์จะกล่าวเรียกร้องบรรดาผู้นำทางศาสนาทั้งหลายเผชิญหน้ากับวิกฤติของอิสลามสุดโต่งด้วยความจริงใจ พร้อมกับย้ำว่า การศึกครั้งนี้ไม่ใช่ศึกระหว่างผู้คนต่างศาสนา แต่เป็นการศึกระหว่างอาชญากรป่าเถื่อนที่ต้องการทำลายชีวิตมนุษย์ กับคนดีๆ ของทุกศาสนาที่ต้องการปกป้องชีวิต เป็นการต่อสู้ระหว่างความดีกับความชั่ว

รัฐบาลสหรัฐในยุคของทรัมป์ยังต้องการสร้างความแตกต่างระหว่างทรัมป์กับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่มักวิจารณ์ชาติอาหรับกรณีเสรีภาพและสิทธิพลเมือง โดยทรัมป์แสดงชัดเจนว่าเขาไม่ต้องการแตะต้องประเด็นสิทธิมนุษยชน "เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อสั่งสอน เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อบอกว่าพวกเขาต้องใช้ชีวิตอย่างไร หรือต้องเคารพบูชาอย่างไร เรามาที่นี่เพื่อเสนอความเป็นหุ้นส่วน บนพื้นฐานของผลประโยชน์และคุณค่าร่วมกัน" ร่างคำกล่าวของทรัมป์ว่าไว้

ก่อนหน้านี้ในวันเสาร์ซึ่งเป็นการเยือนวันแรก สหรัฐและซาอุดีอาระเบียประกาศความสำเร็จของข้อตกลงซื้ออาวุธมูลค่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ เกือบ 1.1 แสนล้านดอลลาร์ เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ กล่าวว่า เป้าหมายของการขายอาวุธให้ซาอุฯ ครั้งนี้เพื่อต่อต้าน "อิทธิพลอันร้ายกาจของอิหร่าน"

นอกจากข้อตกลงขายอาวุธ ทั้งสองฝ่ายยังประกาศข้อตกลงการค้ามูลค่ามากกว่า 3.8 แสนล้านดอลลาร์ด้วย

ในวันจันทร์ ทรัมป์มีกำหนดเดินทางเยือนอิสราเอลและปาเลสไตน์ จากนั้นจะไปเยือนนครรัฐวาติกัน, กรุงบรัสเซลส์ และอิตาลี เพื่อร่วมประชุมนาโตและจี 7.
www.thaipost.net

0 ความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น