หอการค้าตรังรับลูกหอการค้าภาคใต้ ชงที่ประชุมหอการค้าทั่วประเทศ จี้รัฐบาลสนับสนุนลงทุนตั้งโรงงานแปรรูปยางพาราเป็นผลิตภัณฑ์ เพื่อยกระดับราคายางสูงขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ พร้อมขอให้จัดสรรงบประมาณขยายสนามบินตรัง รองรับการท่องเที่ยว ส่วนหอการค้าระนองผลักดันท่าเรือระนองขึ้นแทนฮับอันดามัน
พิชัย มะนะสุทธิ์
นายพิชัย มะนะสุทธิ์ ประธานกรรมการหอการค้าจังหวัดตรัง เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า หอการค้าจังหวัดตรังและหอการค้าจังหวัดในภาคใต้ จะผลักดันให้รัฐบาลส่งเสริม สนับสนุนหรือลงทุนตั้งโรงงานแปรรูปยางพาราเป็นผลิตภัณฑ์แทนการขายยางแผ่นดิบและน้ำยางสดไปต่างประเทศ ผ่านเวทีการประชุมสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 33 ระหว่างวันที่ 27-29 พฤศจิกายน 2558 ที่จังหวัดอุดรธานี ทั้งนี้เพื่อให้ราคายางสูงขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ
“รายได้ของคนในภาคใต้มาจากราคายางถึง 80% หากราคายางตกต่ำ ไม่มีเสถียรภาพด้านราคาย่อมส่งผลกระทบอย่างรุนแรงกับธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นรัฐบาลจะต้องจริงจังในการแก้ปัญหาเรื่องราคายาง เพื่อให้ยางมีราคาที่สูงขึ้น รัฐบาลต้องขับเคลื่อนให้หน่วยงานของรัฐเอาจริงเอาจังแก้ปัญหาราคาอย่างเป็นระบบ มีแผนที่ชัดเจน ในการดำเนินการ” เรื่องต่อมาที่หอการค้าจังหวัดตรังผลักดันคือ ให้รัฐจัดสรรงบประมาณในการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารและขยายรันเวย์สนามบินตรัง เพื่อรองรับเครื่องบินแบบเช่าเหมาลำที่บินตรงมาจากต่างประเทศ หากรัฐจัดงบมาก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารและขยายรันเวย์สนามบินตรัง จะทำให้การค้า การลงทุนและท่องเที่ยวเจริญเติบโต ที่สำคัญสนามบินตรังสามารถรองรับเที่ยวบินจากท่าอากาศยานภูเก็ตและกระบี่ ที่แออัดในบางช่วงเวลา หากตรังมีความพร้อมของสนามบิน ก็สามารถแบ่งเบาภาระเที่ยวบิน จากต่างประเทศ ให้บินมาลงตรังได้บ้างจะเป็นผลดีมากกว่า
ด้านนางสุดาพร ยอดพินิจ ประธานกรรมการหอการค้าจังหวัดระนอง กล่าวว่า ทางหอการค้าจังหวัดระนอง จะผลักดันผ่านที่ประชุมหอการค้าทั่วประเทศ เพื่อผลักดันต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือ การผลักดันให้ท่าเรือระนองเป็นท่าเรือขนส่งสินค้าสำคัญในฝั่งทะเลอันดามัน โดยจะมีการนำเสนอให้ภาครัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเปลี่ยนมุมมองใหม่ว่า การลักดันให้ท่าเรือระนองสามารถเชื่อมเส้นทางการเดินเรือกับประเทศต่างๆในฝั่งอันดามันได้ เป็นการเปิดประเทศไทยสู่ฝั่งตะวันตก ไม่ใช่เกิดผลเฉพาะแค่จังหวัดระนอง แต่จะเกิดผลประโยชน์ต่อประเทศชาติมหาศาล ดังนั้นจึงอยากที่จะให้ทุกภาคส่วนหันมาพิจารณา และร่วมกันผลักดันอย่างจริงจัง เพราะขณะนี้ไม่มีความสงสัยในเรื่องทำเลที่ตั้ง จุดยุทธศาสตร์ที่มีความเหมาะสมที่สุด อีกทั้งเป็นท่าเรือที่มีความพร้อมที่สุดในภาคใต้ฝั่งตะวันตกในตอนนี้ แต่ที่ผ่านมาขาดการขับเคลื่อนอย่างจริงจังจากรัฐบาล ในขณะที่เอกชนโดยเฉพาะสายการเดินเรือต่างก็ให้ความสนใจและพร้อมที่จะเข้ามา หากรัฐบาลให้สิทธิพิเศษบางประการที่จะส่งผลต่อต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ถูกลง
ดังนั้นจึงเป็นที่มาของประเด็นที่ 2 ที่จะผลักดัน คือ เขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งเป็นอีกประการที่ภาคเอกชนในระนองต้องการให้เกิดขึ้น ทั้งภาคเอกชน สายการเดินเรือต่างก็หวังว่า หากเกิดเขตเศรษฐกิจพิเศษ จะมีเงื่อนไขจูงใจมากพอที่จะดึงดูดกลุ่มทุน สายการเดินเรือ ให้ข้ามฟากมาใช้บริการท่าเรือระนองได้
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,109
0 ความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น