วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เล่นเอามึน!! หมอสั่งเอาศพหนุ่มบุรีรัมย์ กลับไปผ่าพิสูจน์


loading...
วันที่ 12 ต.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านปราสาท ต.จันดุม อ.พลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ ว่าได้มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ สั่งให้นำศพนายศิลา บุญรัตน์ อายุ 50 ปี ที่ตั้งบำเพ็ญกุศลไว้ที่บ้านเลขที่ 22 หมู่ 6 ต.จันดุม อ.พลับพลาชัย มาเป็นคืนที่ 2 เพื่อนำไปผ่าพิสูจน์ที่โรงพยาบาลใน จ.สุรินทร์ สร้างความมึนงงให้กับญาติและชาวบ้านที่มาร่วมงานศพเป็นอย่างมาก ทั้งที่จะเตรียมเผาในวันรุ่งขึ้น ซึ่งชาวบ้านต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงการทำงานของโรงพยาบาลดังกล่าวว่าไม่มีเหตุผลทั้งที่พ่อแม่และญาติทุกคน ไม่ได้ติดใจการเสียชีวิตในครั้งนี้ สร้างความเดือดร้อนให้กับเจ้าภาพงานศพ ที่มีฐานะยากจนอยู่แล้ว ต้องเลื่อนงานออกไปอีก พระที่นิมนต์ไว้แล้วต่างเดินทางมาสวดแต่ไม่มีศพให้เห็น ถือเป็นเรื่องแปลกตั้งแต่ตั้งหมู่บ้านขึ้นมา


loading...
จากการสอบนางวิลัย บุญรัตน์ อายุ 44 ปี น้องสาวผู้ตาย บอกว่า พี่ชายมีอาชีพรับจ้างทั่วไปอาศัยอยู่กับแม่ และลูกชาย ชอบดื่มสุรา โดยเมื่อวันที่ 9 ต.ค. ที่ผ่านมา พี่ชายขี่รถจักรยาน ออกไปหาปลาและมีคนไปพบเป็นศพข้างทาง ไม่มีร่องรอยหรือบาดแผลใดๆ ตามร่างกาย เมื่อตำรวจมาพิสูจน์ ได้สอบถามญาติว่าติดใจการเสียชีวิตของพี่ชายหรือไม่ ซึ่งญาติต่างไม่ติดใจ เพราะพี่ชายไม่เคยมีศัตรู ประกอบกับหลักฐานในที่เกิดเหตุไม่มีอะไรที่น่าสงสัย คาดว่าพี่ชายเสียชีวิตเพราะเมาสุราแล้วหกล้มเสียชีวิต ตำรวจจึงอนุญาตให้นำศพมาบำเพ็ญกุศลที่บ้าน


นางวิลัย กล่าวต่อว่า หลังจากตั้งศพสวดอภิธรรมที่บ้านเป็นคืนที่ 2 ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พลับพลาชัย มาแจ้งว่าจำเป็นต้องเอาศพไปผ่าพิสูจน์ เนื่องจากแพทย์โรงพยาบาลระบุว่าต้องนำไปผ่าพิสูจน์เพื่อหาสาเหตุการตายให้แน่ชัดก่อน สร้างความมึนงงให้กับครอบครัว และชาวบ้านที่มาร่วมงานศพเป็นอย่างมาก

นางวิลัย ยังบอกด้วยว่า การนำศพไปผ่าพิสูจน์ครั้งนี้ ญาติจะต้องเสียค่าเหมารถไป จ.สุรินทร์ 9,000 บาท ค่าผ่าพิสูจน์อีก 1,500 บาท ถือเป็นการซ้ำเติมครอบครัวของตนซึ่งมีฐานะยากจนอยู่แล้ว นอกจากนี้งานศพยังวุ่นวายทั้งญาติที่มาร่วมงาน และพระที่นิมนต์มาสวดอภิธรรม ต่างไม่พบโลงศพ ในการสวดอภิธรรมคืนที่ 3 จึงจำเป็นต้องสวดโดยไม่มีร่างของพี่ชายอยู่

ขณะที่นางบุญตา บุญรัตน์ อายุ 70 ปี แม่ผู้ตาย บอกว่า การกระทำดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ สร้างความเดือดร้อนให้กับครอบครัวเป็นอย่างมาก ทั้งแขกที่เชิญมาร่วมงานต่างกลับบ้าน ภายในวัดปราสาท ที่เป็นสถานที่ฌาปนกิจ ก็ต้องจัดของไว้รอโดยไร้ศพมาทำพิธี จึงอยากจะให้ทางโรงพยาบาลออกมารับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ต้องเสียโดยที่ผู้เสียหายไม่รับรู้

ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง ร.ต.อ.อัครวัฒน์ คุณวงศ์ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี บอกว่าการเสียชีวิตของนายศิลา ไม่พบความผิดปกติ ไม่มีบาดแผลร่องรอย ผู้ตายไม่มีประกันชีวิตใดๆ ไม่มีทรัพย์สิน ครอบครัวมีฐานะยากจน และญาติไม่ติดใจการตาย จึงอนุญาตให้นำศพไปบำเพ็ญกุศลได้ หลังจากนั้นผ่านไป 2วัน ได้ประสานแพทย์เพื่อขอใบลงความเห็นการเสียชีวิต แพทย์ได้บอกว่าไม่ได้ จะต้องนำศพไปผ่าพิสูจน์ก่อน จึงจำเป็นต้องแจ้งให้ญาติผู้ตายทราบ
www.khaosod.co.th

0 ความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น